โตเกียว เทรนด์ดี
พาคุณผู้อ่านไปรู้จักจังหวัดต่างๆของญี่ปุ่นมาตั้งหลายแห่งแล้ว รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยอีกมาก แต่กลับลืม โตเกียว ซึ่งเป็นเมืองหลวงไปจนได้
มหานครโตเกียว นั้นใหญ่พอๆกันกับ กรุงเทพมหานครของเรา คือประมาณ 600ตารางกิโลเมตร แต่ขนาดของประชากรเค้ามากกว่าเราถึง 3ต่อ2 ของเค้ามี12ล้านกว่าเกือบ13ล้าน ของเรามีแค่8ล้านกว่าเท่านั้นเอง แต่ความสะดวกสบายของเค้าช่างผิดกับของเรากันมากเหลือเกินครับ
เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ที่กรุงเทพเพิ่งจะมีรถไฟฟ้าข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปถึงฝั่งธนบุรีเป็นสถานีแรกครับ ในขณะที่โตเกียว มีทั้งรถไฟฟ้าบนดินและใต้ดินรวมกันเกือบ 20สาย เชื่อมโครงข่ายคมนาคมในมหานครให้เกิดความสะดวกในการเดินทางได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นแล้วอิจฉาครับ เพราะคนของเค้าสามารถคำนวณระยะเวลาการเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ จึงทำให้การนัดหมายของเค้าไม่ค่อยจะมีข้อผิดพลาด ข้ออ้างเรื่องรถติด มาสายหรือไม่ทันนัด ก็เลยไม่สามารถใช้ได้ครับ ผิดกับชาว กทม. ที่สามารถผลักความรับผิดชอบไปให้กับการจราจรได้ทุกครั้งไป
ไหนๆพูดถึงเรื่องรถไฟฟ้าแล้ว อดแอบน้อยใจไม่ได้ครับ ก็สถานีรถไฟฟ้าของเค้าช่างสะดวกสบาย มีร้านค้ามากมาย แม้กระทั่ง ในชานชาลาของบางสถานียังสู้อุตส่าห์มีแผงขายหนังสือและขนมขบเคี้ยวให้จับจ่ายยามจำเป็น แต่ไอ้ที่ผมแอบเคืองอยู่เล็กๆคือเรื่องห้องน้ำครับ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านผู้บริหารของรถไฟฟ้าทั้งใต้ดินและบนดินของบ้านเรา ถึงได้ละเลยเรื่องที่จำเป็นแบบนี้ไปได้ก็ไม่ทราบ ลองคิดดูสิครับว่า หากผู้โดยสารของท่านเกิดความจำเป็นขึ้นมาจะทำยังไงครับ
รถไฟฟ้าในโตเกียวที่ว่ามีเกือบ20สายนั้น แบ่งแบบง่ายๆเป็น2ชนิดใหญ่ๆคือ รถไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่จะวิ่งอยู่บนดิน กับรถไฟฟ้าที่ส่วนใหญ่วิ่งอยู่ใต้ดิน ที่บอกว่าส่วนใหญ่ก็เพราะว่าเวลามันวิ่งในเขตเมืองก็อาจจะอยู่ใต้ดิน พอวิ่งออกไปชานเมืองหรือย่านที่สิ่งปลูกสร้างไม่หนาแน่น ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมุดอยู่ใต้ดินให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
พระเอกของรถไฟฟ้าในโตเกียวก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก รถไฟฟ้าบนดินสาย JR Yamanote ของบริษัท East Japan Railway Company หรือ JR East ซึ่งวิ่งรอบกรุงโตเกียวเป็นวงกลม ผ่านสถานีสำคัญๆต่างๆรวมทั้งสิ้น 29สถานี โดยใช้เวลาวิ่ง1รอบประมาณ 1ชั่วโมง ใครที่คิดจะเที่ยวโตเกียวด้วยตัวเองล่ะก็ จำชื่อรถไฟฟ้าสายนี้เอาไว้ให้แม่นนะครับ เพราะมันจะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย อย่างเช่น ชินจูกุ ฮาราจูกุ ชิบุยะ ชินางาวะ ยูรัคโจ(กินซ่า) โตเกียว อากิฮาบาระ อูเอโนะ อิเคะบุคุโระได้อย่างสะดวก แถมประหยัดอีกด้วยครับ เพราะราคาเริ่มต้นที่ 150เยน เท่านั้น เค้าเริ่มให้บริการกันแต่ไก่โห่ ขบวนแรกก็ประมาณตี4ครึ่ง แล้วไปหมดเอาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ เฉลี่ยแล้วจะวิ่งทุกๆ 2-3นาที มีผู้ใช้บริการประมาณวันละ 3ล้าน5แสนคน คิดเล่นๆก็ปีนึงแค่ 1270ล้านคนแค่นั้นเองครับ


และก็ไม่ต้องกลัวพลาดหรือกลัวหลง สำหรับท่านที่มีความรู้ด้านภาษาญี่ปุ่นเพียงน้อยนิด เพราะเดี๋ยวนี้ทุกสถานีใหญ่ เค้ามีป้ายภาษาอังกฤษบอกทุกจุด และบนรถไฟฟ้าก็ยังมีป้ายอัจฉริยะ คอยบอกคุณว่า ตอนนี้คุณอยู่สถานีไหน กำลังมุ่งหน้าไปไหน ใช้เวลาอีกเท่าไหร่ เรียกว่าถ้าคุณหมั่นตรวจสอบข้อมูลตลอดเวลา คุณจะมีโอกาสหลงน้อยมากเลยครับ
คราวหน้าผมจะพาคุณผู้อ่านนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวไปตามย่านต่างๆของโตเกียว โดยเฉพาะย่านอินเทรนด์ อย่าลืมติดตามนะครับ
จากคอลัมน์ มองญี่ปุ่น ในหนังสือพิมพ์ Post Today ฉบับวันอาทิตย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น