โตเกียว
เทรนด์ดี22
หลังจากH&M สาขาฮาราจูกุเปิดตัวไปได้เพียงแค่5เดือน
แบรนด์น้องใหม่ไฟแรงจากสหรัฐอเมริกา Forever 21 ก็ตามมาติดๆ
โดยถือเอาวันแรกของช่วงวันหยุดยาวของคนญี่ปุ่น (Golden-week) วันที่29 เมษายน 2009เป็นฤกษ์ประเดิมชัย แถมยังมาตั้งติดอยู่กับH&M แบบประชิดตัว
แย่งชิงลูกค้ากันแบบตาต่อตาฟันต่อฟันกันเลยทีเดียว โดยมีคอนเซปสินค้าคล้ายกันมากคือ
มาเร็วขายเร็วไปเร็ว ในด้านการออกแบบอาจจะดูเป็นรอง แต่เรื่องราคานี่มันช่างเย้ายวนใจสาวญี่ปุ่นเสียจริงๆ
ถึงขนาดที่ว่าวันเปิดร้านวันแรกมีคิวยาวจากหน้าร้านไปจนชนสี่แยกฮาราจูกุแล้วเลื้อยไปตามถนนโอโมเทะซันโด
ไม่น้อยหน้าH&Mเท่าไหร่นัก
Forever 21 มีต้นกำเนิดอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งโดยคุณ
Do-Won Chang ลูกครึ่งอเมริกันเกาหลีและคุณ Jin Sook
ศรีภริยา ในปี1984 โดยใช้ชื่อว่า Fashion
21 เน้นขายเสื้อผ้าตามเทรนด์เกาหลีให้กับคนเกาหลีในเมืองแอลเอ
แต่กลับเป็นที่นิยมของบรรดาผู้คนที่ผ่าไปมาแถวนั้นไปด้วย จนทำให้ธุรกิจเติบโตหลายร้อยเปอร์เซนต์
จากร้านขายเสื้อผ้าเล็กๆริมถนนจนมาสู่ร้านใหญ่ในศูนย์การค้า และเปลี่ยนชื่อเป็น Forever 21 ในที่สุด
นอกจากนี้แล้วยังแตกไลน์ไปอีกหลายแบรนด์อาทิ XXI Forever, Love 21, Twelve by Twelve เป็นต้น
ใครที่เคยไปเดินช้อปปิ้งที่Central
World ก็คงจะเคยเจอร้าน XXI
Forever
แต่ต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ทั้งบรรยากาศ การจัดร้าน พนักงาน และสินค้า
แตกต่างจากที่ฮาราจูกุพอประมาณ ไม่สามารถนำไปเทียบกันได้ และอีกอย่างที่ฮาราจูกุนี่เป็น
Forever 21 ไม่ใช่ XXI
Forever ไลน์ของสินค้าก็เลยแตกต่างกันครับ
ถัดจากForever 21 ไปไม่ไกล
ก็จะถึงถนนเล็กๆที่เคยเกริ่นไว้เมื่อ2ฉบับก่อน คือถนนทาเคะชิตะ (Takeshita Dori) ถนนที่คนไทยแทบจะทุกคน เวลาไปฮาราจูกุจะต้องไป
แต่ทางเข้าด้านนี้อาจจะไม่คุ้นตาเพราะภาพที่เราเห็นกันเป็นประจำนั้น
เป็นทางเข้าจากฝั่งสถานีรถไฟJR ส่วนทางเข้าฝั่งนี้เป็นทางเข้าจากฝั่งถนนเมจิครับ
ถนนทาเคะชิตะเป็นถนนเล็กๆยาวประมาณ350เมตร หรือจะเรียกว่าซอยดูจะเหมาะสมกว่า ผู้คนสามารถช้อปได้ไม่ต้องคอยพะวงเรื่องรถรา
เพราะซอยนี้เค้าไม่มีรถวิ่ง เลยทำให้วัยรุ่นย่านนี้เดินกันขวักไขว่
ยิ่งเป็นบ่ายวันเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะก็ มีแต่เด็กวัยรุ่นเต็มซอย
ร้านรวงในซอยนี้ก็สนองความต้องการของวัยรุ่นอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะสินค้าแฟชั่น
ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า มีทั้งแบบในกระแสและนอกกระแส หรือสาวกCosplay
ก็มีร้านจำเพาะเจาะจงของเค้า
แค่เดินดูวัยรุ่นแต่งตัวมาให้ชมก็สนุกแล้ว แต่ที่เห็นแล้วน่าประหลาดใจก็คือ
เราจะเห็นคนดำมายืนคอยชักชวนวัยรุ่นให้ไปซื้อเสื้อผ้าแนวแรปหรือฮิปฮอบกันอยู่เป็นระยะๆ
ดูแปลกตาไม่น้อย
สำหรับคนชอบขนม พลาดไม่ได้เด็ดขาดสำหรับ
ร้านเครปสวนกุหลาบ เป็นร้านเครป2ร้านอยู่ประมาณกลางซอย
ถ้าเข้ามาจากถนนเมจิจะอยู่ฝั่งขวา แต่ถ้ามาจากสถานีJR จะอยู่ฝั่งซ้าย ร้านนึงสีชมพูชื่อ Angels Heart อีกร้านสีฟ้าชื่อ Marion Crepes เด็กสวนกุหลาบมาเดินแถวนี้เห็นสีชมพูฟ้าเป็นไม่ได้
รู้สึกผูกพันกันทันที และที่สำคัญลูกค้าทั้ง2ร้านนี้มีแต่สาวน้อยคอยอยู่ในคิวแทบทั้งสิ้น
ครั้นจะไม่ต่อคิวกินก็เสียชื่อเด็กสวนฯเป็นแน่ ทั้ง2ร้านเปิดขายกันมานานหลายสิบปี
มีให้เลือกสารพัดไส้ ตั้งแต่แบบมาตรฐานจนถึงแบบแฟนซี ความอร่อยไม่ค่อยต่าง
แต่บังเอิญใจชอบสีชมพู เพราะอยู่ปากคลองตลาดแล้วย้ายมาสามย่าน จะหาว่าบ้าสถาบันก็ยอมผมชิมมาตั้งแต่ไปญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อปี
1985 กลับมาทุกครั้งต้องชิมทุกที
คุณภาพคงเส้นคงวา อร่อยลืมอ้วนไปเลย ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนคนขายไปแล้วหลายรุ่นแต่ความประทับใจในรสชาติไม่เคยเปลี่ยนครับ
ออกจากถนนทาเคะชิตะมา จะเจอกับสถานีรถไฟJR Harajuku ถ้าเดินเลียบสถานีไปทางซ้ายก็จะไปชนกับถนนโอโมเทะซันโด
ตรงบริเวณนี้จะเป็นสามแยกสำคัญที่สุดของย่านฮาราจูกุเลยก็ว่าได้
เพราะเป็นทางเข้าไปสู่ศาลเจ้าเมจิ ศาลเจ้าอันดับหนึ่งของโตเกียวครับ
และตรงนี้อีกเช่นกันที่ในทุกวันอาทิตย์ของเมื่อหลายปีก่อน เป็นแหล่งชุมนุมวัยรุ่นที่พากันมาแสดงออก
ร้องเล่นเต้นรำ กันอย่างเต็มพลัง
และมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลกันมาชมกิจกรรมของวัยรุ่นนี้กันอย่างเนืองแน่น
จนทำให้ฮาราจูกุมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ในฐานะย่านวัยรุ่นชั้นนำของกรุงโตเกียว
เริ่มต้นความมันกันที่สะพาน Jingu-Bashi ลงไป ตลอดพื้นที่ของถนน จะมีวัยรุ่นเป็นกลุ่มๆมาจับจองพื้นที่กันตั้งแต่เช้าและเปิดการแสดงในตอนสายๆเรื่อยไป
มีทั้งที่อยากเป็นนักร้อง มีทั้งที่ชอบเต้น ร้านค้าจำพวกแผงลอยก็มาเปิดขายกันอย่างคึกคักทั้งอาหารและเครื่องดื่มมีครบ
สร้างรายได้สะพัดกันไม่น้อย แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ปัจจุบันได้ยกเลิกการปิดถนนไปเสียแล้ว
เพราะมีผู้ไม่หวังดีถ่ายภาพหลุดของบรรดาวัยรุ่นสาวน้อย ที่บ่อยครั้งสนุกจนลืมสำรวม
ไปเผยแพร่ในนิตยสารบ้าง วิดีโอบ้าง ทางการกรุงโตเกียวจึงต้องยกเลิกการปิดถนนไปอย่างเสียดาย คงเหลือพวกใจรักจริงแค่บางส่วน ยังคงปักหลักโชว์กันทุกสัปดาห์ บริเวณด้านในของสวนสาธารณะโยโยหงิ(Yoyogi Park) และตรงแถวสะพานJingu-Bashi
ใครมีโอกาสผ่านไปในวันอาทิตย์อย่าลืมแวะไปชม อาจเห็นพวกรุ่นเดียวกับผม
เต้นอยู่อย่างไม่อาย ท้าทายสายตาของคุณๆอยู่ก็เป็นได้