วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

Tokyo Trendy 20

โตเกียว เทรนด์ดี 20
          สัปดาห์นี้พาคุณผู้อ่านเดินมาจนถึงฮาราจูกุเสียที แต่สำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยคงสงสัยว่า ไม่เห็นจะเป็นอย่างที่คิดไว้  ไม่เห็นมีเด็กวัยรุ่นแต่งตัวแปลกๆ ไม่เห็นมีซอยแน่นๆคนเดินเบียดกัน เหมือนที่เห็นในนิตยสารหรือรายการโทรทัศน์เลย อย่าเพิ่งใจร้อนครับ เพราะว่าผมค่อยๆพาคุณเดินมาจากชิบุยะ จะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรครบไม่ตกหล่น ภาพของย่านฮาราจูกุที่คุณๆคุ้นเคยนั้นอยู่คนละด้านกับที่ผมพามา ฮาราจูกุแถบที่คุณๆคุ้นกันนั้นอยู่ฝั่งสถานีรถไฟJR ที่ติดกับทางเข้าศาลเจ้าเมจิ  พอออกจากสถานีมาก็จะเจอกับถนนทาเคชิตะ (Takeshita-Dori) ตรงนั้นแหละครับถนนแน่นๆที่ใครๆก็ต้องแวะเวียนไป แต่เชื่อมั้ยครับว่า เอาเข้าจริงๆแล้วบนถนนเส้นนั้นกลับซื้ออะไรไม่ค่อยจะได้ ถ้ายังไม่ลืม ผมเคยให้ข้อมูลไว้ว่าย่านฮาราจูกุ โดยเฉพาะที่ถนนทาเคชิตะนี้เป็นย่านของเด็กมัธยมต้น ข้าวของที่วางขายอยู่บนถนนเส้นนี้ก็เลยตอบโจทย์ของน้องๆมัธยมไปกว่าครึ่ง รุ่นโตขึ้นไปหน่อยก็อาจจะหาเสื้อผ้าได้บ้างแต่ยากสักนิด ยิ่งรุ่นใหญ่แล้วละก็ลืมไปได้เลยครับ ร้านที่พอจะให้เสียเงินเสียทองได้ก็คงจะมีแค่ ร้านDAISO เจ้าพ่อร้าน100เยนอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเท่านั้นแหละครับ
แต่ขึ้นชื่อว่าฮาราจูกุแล้ว ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง เพราะเมื่อเดินจากย่านชิบุยะเรื่อยมาตามถนนเมจิจนถึงสี่แยกที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนเมจิกับถนนโอโมเทะซันโดแล้ว คุณจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยที่ไม่สามารถบรรยายได้หากไม่ได้ไปเห็นด้วยตา เพราะถ้าคุณไปยืนตรงกลางสี่แยกแล้ว ผมเชื่อว่าคุณจะต้องลำบากในการตัดสินใจว่าจะเลือกไปในทิศทางไหน มองไปข้างหน้าก็น่าเดิน มองไปทางซ้ายก็น่าไป มองไปทางขวาก็น่าลอง เอ! แล้วจะเดินอย่างไรให้มันทั่วละเนี่ย 
เอาอย่างนี้ครับ มาปูพื้นฐานกันก่อนดีกว่า พื้นที่ตรงที่เรียกว่าฮาราจูกุนี้ ตั้งอยู่ในแขวงจิงกูมาเอะ (Jingumae)ของเขตชิบุยะครับ จิงกู(Jingu)แปลว่าศาลเจ้า มาเอะ(mae)แปลว่าด้านหน้า แปลรวมกันก็คือพื้นที่ด้านหน้าศาลเจ้า เพราะพื้นที่แถบนี้อยู่ติดกับศาลเจ้าเมจินั่นเอง  ในแขวงจิงกูมาเอะนั้นแบ่งย่อยๆออกเป็น 6บล็อกด้วยกัน โดยมีถนนเมจิผ่ากลางย่านฮาราจูกุตามแนวตั้ง และมีถนนโอโมเทะซันโดตัดขวางกลางย่านฮาราจูกุอีกเช่นกัน ทำให้แบ่งย่านฮาราจูกุออกเป็น4ส่วน โดยมีสี่แยกฮาราจูกุนี้แหละครับเป็นศูนย์กลาง ส่วนแรกเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของแขวงนี้คือ จิงกูมาเอะ บล็อก1 (Jingumae 1) คือพื้นที่ส่วนที่อยู่ติดกับศาลเจ้าเมจิมากที่สุด กินอาณาบริเวณระหว่างด้านหน้าสถานีรถไฟJR กับฝั่งซ้ายของถนนเมจิ และมาสุดด้านล่างที่ถนนโอโมเทะซันโด  ส่วนพื้นที่ฝั่งตรงข้ามบล็อก1 ระหว่างถนนเมจิฝั่งขวาไล่ลงมาชนกับถนนโอโมเทะซันโดที่ด้านล่างก็เป็น จิงกูมาเอะ บล็อก 2 จนถึงบล็อก4 (Jingumae 2,3,4) และพื้นที่ฝั่งด้านใต้ของถนนโอโมเทะซันโดลงมาก็จะเป็นจิงกูมาเอะ บล็อก5 (Jingumae 5)ทางด้านขวาของถนนเมจิ และบล็อก6 (Jingumae 6)ทางฝั่งซ้ายซ้ายของถนนเมจิ  พอคุณผู้อ่านเข้าใจพื้นฐานตรงนี้แล้ว ทีนี้จะเดินให้ทั่วย่านฮาราจูกุก็ไม่ยาก จะไปไหนก็ให้ยึดสี่แยกฮาราจูกุเป็นหลัก  ถ้าติดตามกันมาตลอด คงจำกันได้ว่า 2สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้พาคุณผู้อ่านเดินผ่านร้านรวงทั้งหลายตั้งแต่Paul Smith ไล่เรียงขึ้นมาจนถึงร้านUT ก็อยู่ในพื้นที่ของจิงกูมาเอะ บล็อก5 และบล็อก6 ทางด้านใต้ของถนนโอโมเทะซันโดนั่นเองครับ
วันนี้เอาเฉพาะตรงสี่แยกนี้ก็ไปไหนต่อไม่ไหวแล้วครับ เริ่มกำหนดตำแหน่งกันก่อน ถ้าคุณยืนอยู่ตรงกลางสี่แยกให้หันหน้าไปทางตึกLaforet และตึกGAP  ซ้ายมือและขวามือของคุณก็จะเป็นถนนโอโมเทะซันโด ส่วนด้านหน้าและด้านหลังของคุณคือถนนเมจิ  เราจะเริ่มต้นตระเวณสำรวจกันที่ จิงกูมาเอะ บล็อก1 ซึ่งก็คือพื้นที่ทางด้านหน้าฝั่งซ้ายมือของคุณทั้งหมด โดยมีตึกLaforet เป็นจุดเริ่มต้น  ถ้าตึกSHIBUYA 109 เป็นสัญลักษณ์ของย่านชิบุยะ ตึกLaforet ก็คือแลนด์มาร์คของย่านฮาราจูกุครับ ที่นี่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี1978 เป็นศูนย์รวมแฟชั่นวัยรุ่นที่นำและล้ำสมัยที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียว บนอาคารสูง6ชั้นและชั้นใต้ดินอีก3ชั้น อัดแน่นไปด้วยเทรนด์แฟชั่นผ่านร้านเสื้อผ้ากว่า120ร้าน เกือบจะทั้งหมดเป็นแฟชั่นของคุณสุภาพสตรีมีของคุณสุภาพบุรุษบ้างพอให้ไม่เหงา และส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ท้องถิ่น  ซื้อกลับมาแล้วไม่ต้องกลัวใส่ชนกับใคร เพราะเดินตึกนี้ทีไรไม่ค่อยเจอคนไทยมากนัก อาจเป็นเพราะรอบข้างและใกล้เคียง มีร้านรวงให้เดินกันไม่หวาดไม่ไหว  ร้านเด่นดังคู่ตึกLaforet และเป็นที่รู้จักของนักช้อปชาวไทยคงหนีไม่พ้นร้านTOPSHOP / TOPMAN  จากแดนผู้ดี ที่ตอนนี้ก็มีมาเปิดที่Central World บ้านเราด้วยเช่นกัน แต่ที่ฮาราจูกุนี้มีของให้เลือกมากกว่าและคัดของมาได้โดนใจกว่า โดยเฉพาะเสื้อยืดของที่นี่ลายเค้าเฉียบเหลือรับประทาน  ส่วนคุณสาวๆที่เป็นแฟนประจำของคุณ Kate Moss อย่ารอเฉย สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าไปหยิบฉวยคอลเล็คชั่นล่าสุดของเธอมาไว้ในครอบครอง โดยเฉพาะรุ่น Limited Edition ที่คุณจะสวยได้แบบมั่นใจว่าไปงานไหนไม่มีชนแน่นอน
 แค่เดินในตึกLaforetเพียงแห่งเดียว  คุณอาจจะต้องรีบกลับโรงแรมก่อนกำหนด เพราะถ้าหากยังฝืนเดินต่อไป คงจะไม่มีมือให้ถือของได้อีกเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น