วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

Tokyo Trendy 21


โตเกียว เทรนด์ดี 21
          ก่อนอื่นต้องขออนุญาติแก้ไขข้อมูลของตอนที่19 เรื่องร้านEDWIN นิดนึงครับ เพราะเพิ่งจะกลับมาจากการพาทีมงานไปถ่ายรายการโทรทัศน์ที่โตเกียว พอดีได้มีโอกาสนั่งรถเมล์จากย่านชินจูกุไปยังย่านชิบุยะโดยวิ่งตามถนนเมจิลงไป และตอนที่ผ่านแถวย่านฮาราจูกุ ก็เหลือบไปเห็นว่า ร้านEDWINนั้นได้ย้ายจากฝั่งเดิม มาอยู่ฝั่งเดียวกันกับร้านUTเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนญี่ปุ่นไปเสียแล้ว จึงจำเป็นที่จะต้องมาขอแก้ไขข้อมูลเพื่อความถูกต้องครับ
                กลับมาที่ จิงกูมาเอะ บล็อก1 กันต่อ ถัดจากตึกLaforetขึ้นไปอีกหน่อย คุณจะพบกับตึกสูงรูปทรงสี่เหลี่ยมที่ดูสะอาดตาด้วยกระจกและบางส่วนของผนังสีขาว ตึกนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Ice Cubes Building ซึ่งป็นที่ตั้งของร้าน H&M แบรนด์ค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่น(Speciality Clothing Retailer)จากสวีเดน ที่มียอดขายรวมทั้งโลกเป็นอันคับ3 จะเป็นรองก็เพียงแค่ ZARAที่อยู่อันดับ2 และอันดับ1อย่างGAP เท่านั้นเอง
H&Mถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศสวีเดนในปี1947 โดยขายเฉพาะเสื้อผ้าสุภาพสตรีโดยใช้ชื่อว่า Hennes หรือ Hers ในภาษาอังกฤษนั่นเอง หลังจากนั้นอีก20ปี คุณ Erling Persson เจ้าของHennes ได้เปิดร้าน Mauritz Widforss ในกรุงสต๊อกโฮล์ม สำหรับคุณผู้ชายที่ชื่นชอบการเดินป่าและล่าสัตว์ รวมถึงเสื้อผ้าสุภาพบุรุษด้วย และได้เปลี่ยนชื่อร้านเดิมและร้านใหม่นี้เป็นร้าน Hennes & Mauritz แล้วคงเหลือแต่เพียงตัวย่อ H&Mในท้ายที่สุด ปัจจุบัน H&M มีสาขาทั่วโลกถึงกว่า1,800สาขา ใน34ประเทศ จำหน่ายเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่นตามฤดูกาลแบบมาเร็วขายเร็วหมดเร็ว ใครเห็นแล้วถ้าชอบใจขอให้ซื้อทันทีอย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะร้านแนวนี้จะเหมือนกันหมดคือ หมดแล้วหมดเลยอย่าหวังว่าจะผลิตอีกเพราะมีสินค้าของฤดูกาลถัดไปมารอจ่อคิวกันอีกเพียบ
H&Mมาบุกญี่ปุ่นในเดือนกันยายนปี2008 และแน่นอนว่าพื้นที่เป้าหมายของทุกแบรนด์ระดับโลกก็คือ ย่านกินซ่า แหล่งช้อปปิ้งสินค้าชั้นดีมีระดับของกรุงโตเกียว สาขาแรกนี้ถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของH&Mเป็นอย่างยิ่ง เพราะวันแรกที่เปิดให้บริการมีหนุ่มสาวชาวญี่ปุ่นมาต่อคิวกันยาวเหยียด จากหน้าร้านที่กินซ่าบล็อก7ยาวไปจนสุดบล็อก8
และในอีก2เดือนถัดมาFlagship Store แห่งที่2 ของญี่ปุ่นที่ย่านฮาราจูกุ ก็เปิดในวันที่8 เดือนพฤศจิกายน ปี2008 ถึงแม้จะเปิดทีหลังแต่ก็ดังกว่าและแรงกว่าตอนเปิดสาขาแรกที่กินซ่า เพราะไปจับไม้จับมือกับดีไซน์เนอร์ระดับตำนานอย่าง Rei Kawakubo แห่ง Comme de Garcons มาออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษสำหรับการเปิดสาขาชิบุยะให้ จึงทำให้เกิดปรากฏการณ์พิเศษขึ้น ตั้งแต่คืนวันอังคารที่4 พฤศจิกายน มีสาวกของ Comme de Garcons มานอนคอยการเปิดร้านตั้งแต่2ทุ่ม และหลังจากนั้นก็แฟนๆก็ทยอยกันมานอนรอและต่อคิวกันอีกเป็นจำนวนนับพัน เพื่อจะเป็นคนแรกๆที่ได้เข้าไปเลือกสินค้าถูกใจและมีจำนวนจำกัดก่อนใครๆ ปรากฏว่าในเช้าวันเสาร์ที่8 พฤศจิกายน มีผู้คนมาต่อคิวเข้าร้านH&M ยาวจากหน้าร้านผ่านตึกLaforetไปถึงสี่แยกฮาราจูกุและหักเลี้ยวไปยังถนนโอโมเทะซันโดโดยมีท้ายแถวอยู่เลยสถานีรถไฟ JR Harajukuขึ้นไปอีก ประมาณการว่ามีคนมารอถึงกว่า2,500คนเลยทีเดียวครับ แต่เท่านี้ยังไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะคนญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องการอดทนเข้าคิวอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นซึ่งเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิก็คงราวๆ10องศา กลับมีฝนตกลงมาทำให้อากาศยิ่งหนาวยะเยียบขึ้นอีก แต่อุปสรรคเหล่านี้ไม่ทำให้แฟนตัวจริงย่อท้อแม้แต่น้อย จึงทำให้เราได้เห็นภาพผู้คนใส่เสื้อกันหนาวกางร่มยืนเป็นแถวยาวอย่างมีระเบียบ เพื่อที่จะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของสินค้าชิ้นโปรดก่อนใคร ซึ่งเรื่องแบบนี้คงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นในเมืองไทยเป็นแน่
และล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา H&Mสาขาชิบุยะก็ได้เปิดให้บริการเป็นแห่งที่3ของกรุงโตเกียว  ถึงจะเปิดมาแล้ว2แห่ง แต่ตอนสายของวันเสาร์นั้น ซึ่งโดยปกติแล้วจะยังไม่ค่อยมีวัยรุ่นมาเดินกันเท่าไหร่นัก กลับมีวัยรุ่นมาต่อคิวยาวจากเซนเตอร์ไกใจกลางย่านชิบุยะไหลออกมาที่ถนนบุงกะมูระ(Bunkamura Dori) เห็นแบบนี้แล้วดีใจแทนครับ ถึงเศรษฐกิจจะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ประชาชนก็ยังออกมาจับจ่ายใช้สอย ผิดกับบ้านเราที่พอกำลังจะเริ่มไปได้ดี ก็มีอันต้องสะดุดทุกครั้งไป ดูอย่างญี่ปุ่นสิครับ เค้าสามารถเปลี่ยนขั้วอำนาจการเมืองด้วยวิถีทางประชาธิปไตย เพราะถ้าประชาชนไม่พอใจเค้าก็ใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องมือครับ
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น