วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Tokyo Trendy 12


โตเกียว เทรนด์ดี 12

            กลุ่มเซย์บุ (Seibu Group) ยักษ์ใหญ่แห่งย่านอิเคะบุคุโระ เป็นกลุ่มธุรกิจ บริการและการค้าขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยธุรกิจหลักอย่าง กลุ่มรถไฟเซย์บุ (Seibu Railways) กลุ่มค้าปลีก(Seibu Retailing) และกลุ่มเซซอน (Saison Credit)ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มค้าปลีกอีกที โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจก็ดูแลธุรกิจของบริษัทลูกอีกหลากหลายเช่น โรงแรมในเครือปริ๊นซ์ (Prince Hotels and Resorts) และศูนย์การค้าเปเป้ (PePe) ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยเรารู้จักกันดี เพราะมากกว่าครึ่งของบริษัทนำเที่ยวในเมืองไทย นิยมพาลูกค้าไปพักที่โรงแรมชินจูกุปริ๊นส์ (Shinjuku Prince Hotel) และโรงแรมซันไชน์ซิตี้ปริ๊นส์ (Sunshine City Prince Hotel)กันแทบทั้งนั้น และยังมีสโมสรเบสบอลเซย์บุไลอ้อน (Seibu Lions) ทีมของจังหวัดไซทามะ ที่มีPitcher มือดีอย่าง Daisuke Matsuzaka ซึ่งถูกซื้อตัวไปเล่นให้กับทีม Boston Red Sox ของ  US Major leagues ด้วยค่าตัวถึง 51ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 6,000ล้านเยน ในปี2006   ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ปีกของกลุ่มรถไฟเซย์บุทั้งสิ้น
 ในส่วนของกลุ่มค้าปลีกก็ประกอบด้วยห้างสรรพสินค้าเซย์บุ (Seibu Department store) ห้างสรรพสินค้าปาร์โก้ (Parco Department store) และห้างสรรพสินค้าเซย์ยุ (Seiyu Supermarket) เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันกลุ่มธุรกิจนี้ได้แยกออกจากกลุ่มเซย์บุไปแล้ว  สำหรับกลุ่มเซซอนนั้นก็จะเน้นในเรื่องของการให้บริการทางการเงินโดยผ่านการทำธุรกรรมบนบัตรพลาสติกเสียเป็นส่วนใหญ่ เช่นการออกบัตรเครดิตให้กับห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง การออกแบบระบบผ่อนชำระ ติดตั้งเครื่องกดเงินสด การประกันภัยและประกันชีวิต ปัจจุบันกลุ่มเซซอนได้แยกตัวเป็นอิสระออกจากกลุ่มเซย์บุเช่นเดียวกัน
                นอกจากกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่แล้ว กลุ่มเซย์บุยังมีธุรกิจค้าปลีกขนาดย่อมที่เราคุ้นเคยกันดีอย่างเช่น ร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท (Family Mart) ร้านหนังสือริบุโระ (Libro) ร้านสื่อบันเทิงเวฟ (Wave) หรือร้านข้าวหน้าเนื้ออันดับหนึ่งของญี่ปุ่นโยชิโนะยะ”(Yoshinoya) ก็เคยอยู่ในขุมกำลังของกลุ่มเซย์บุด้วย และที่เราๆท่านๆรู้จักกันดีอย่าง ร้านLOFT  และ MUJI ที่มาเปิดในเมืองไทย ก็เป็นผลิตผลที่มาจากกลุ่มธุรกิจค้าปลีกของเซย์บุอีกเช่นกัน โดยที่LOFTแตกตัวออกมาจากห้างสรรพสินค้าเซย์บุ  ส่วนMUJI มีห้างสรรพสินค้าเซย์ยุเป็นผู้ให้กำเนิดในปี1980  จนแยกออกมาตั้งเป็นบริษัท Ryuhin Keikaku ในปี1989 และเป็นอิสระจากเซย์ยุในปี1990
                ไม่เพียงเท่านั้น กลุ่มเซย์บุยังมีบริษัทนำเข้าและบริษัทร่วมทุนกับต่างประเทศอีกหลายแห่ง เช่น Seibu Motor Sales นำเข้ารถยนตร์จากยุโรป    ILLUMS(อิลุมุสุ)ห้างสรรพสินค้าจากประเทศเดนมาร์กโดยเน้นเฉพาะสินค้าตกแต่งภายใน  เครือโรงแรมIntercontinental   และDunkin Donuts ซึ่งได้ล่าถอยออกจากประเทศญี่ปุ่นไปในปี1998
            ด้วยขนาดที่ใหญ่จนเกินไปและความหลากหลายในธุรกิจ จึงทำให้กลุ่มเซย์บุประสบกับความยากลำบากเมื่อเศรษฐกิจของญี่ปุ่นตกต่ำในช่วงทศวรรษ90  กลุ่มเซย์บุจำต้องตัดบางธุรกิจออกจากเครือข่าย บางแห่งก็แยกตัวเป็นอิสระ บางแห่งก็ถูกซื้อไป และบางแห่งก็ล้มหายตายจาก แต่สุดท้ายกลุ่มเซย์บุก็สามารถฟันฝ่าวิกฤติในคราวนั้นมาได้  ปัจจุบันคงเหลือแต่เพียงกลุ่มธุรกิจรถไฟ (Seibu Railways) เท่านั้นที่ยังเป็นของกลุ่มเซย์บุเดิมโดยมีกลุ่มเซซอนเป็นญาติสนิทที่คอยร่วมสนับสนุน ส่วนกลุ่มค้าปลีกนั้นได้ถูกเปลี่ยนมือไปยังกลุ่มทุนขนาดยักษ์เซเว่นแอนด์ไอ เ(Seven & i Holding) เจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้ออันดับหนึ่งของญี่ปุ่น 7- Eleven ไปเมื่อปี2005
                อย่างไรก็ตามในช่วงทศวรรษ70-80ที่กลุ่มเซย์บุ กำลังเรืองโรจน์อยู่นั้น ก็ได้เข้ามาท้าทายกลุ่มโตคิวเจ้าถิ่นย่านชิบุยะ ด้วยการส่งกลุ่มธุรกิจค้าปลีก โดยมีห้างสรรพสินค้าเซย์บุมาประกบกับห้างสรรพสินค้าโตคิว เอาห้างParcoมาวัดกระแสกับตึกShibuya109 และมีLoft คอยคุมเชิง Tokyu Hands อยู่ไม่ไกล  ความโดดเด่นของฃองทั้งสามห้างจะสั่นสะเทือนกลุ่มโตคิวได้หรือไม่ โปรดติดตามต่อไปในอาทิตย์หน้าครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น