โตเกียว เทรนด์ดี 5
หลังจากแนะนำร้านอาหารในย่านกินซ่ามาสองสัปดาห์แล้ว บรรดาสาวๆผู้นิยมขนมหวานคงบ่นน้อยใจ เพราะที่กินซ่านี้ อุดมไปด้วยร้านขนมทั้งแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม แบบญี่ปุ่นประยุกต์ และแบบนำเข้าจากต่างประเทศโดยตรง ซึ่งแต่ละร้าน ถ้าไม่มีชื่อเสียงและคุณภาพระดับเยี่ยมแล้วล่ะก็ อย่าหวังว่าจะมีที่ยืนอยู่ในย่านกินซ่าได้อย่างมั่นคง
ร้านแรกที่จะแนะนำ เป็นร้านดาโลไวโย ( DALLOYAU ) ร้านนำเข้าจากฝรั่งเศส ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่ยุคพระเจ้าหลุยส์ที่14 แห่งราชสำนักแวร์ซายโน่น และมาเป็นตัวเป็นตนชัดเจนก็ประมาณปี ค.ศ.1802 และได้รังสรรค์ขนมหวานที่ชื่อโอเปร่า (OPERA) ขึ้นในปี 1955 ให้โด่งดังไปทั่วอาณาจักรขนมหวานของกรุงปารีส
ร้านดาโลไวโย เข้ามาผาดโผนในยุทธจักรขนมหวานของญี่ปุ่นเมื่อปี 1982 และสามารถเบียดแทรกตัวเองเข้าสู่แถวหน้าของร้านขนมหวานในญี่ปุ่นได้อย่างเต็มภาคภูมิ มีทั้งร้านและเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าทั่วญี่ปุ่นรวมกันสิบกว่าแห่ง โดยมีร้านที่กินซ่าเป็นร้านหลัก คอยเชิดหน้าชูตาอยู่ที่ กินซ่าบล็อก6 (6-9-3 GINZA ) ชั้นล่างก็จะเป็นตู้โชว์บรรดาขนมขึ้นชื่อต่างๆ ให้ท่านสามารถเลือกชมและซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านได้
ที่โดดเด่นและขายดีที่สุดก็ต้อง โอเปร่า จุดเด่นของโอเปร่านั้นอยู่ที่แผ่นทองคำเปลวชิ้นเล็กๆบนเค้กช็อกโกแลตชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีคำ เนื้อเค้กนุ่มแต่แน่น โดยที่แต่ละเลเยอร์ ประกอบด้วยรสชาติที่แตกต่างกันของอัลมอนด์ กาแฟ และช็อกโกแลต ด้านบนของชิ้นเค้กเป็นแผ่นช็อกโกแลตบางรสหวานอมขมนิดๆ ให้รสสัมผัสของช็อกโกแลตอย่างแท้จริง เมื่อผสานรสชาติทั้งหมดเข้าด้วยกัน จึงทำให้ โอเปร่า ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของร้านดาโลไวโยมาตลอด ในราคาชิ้นขนาดพอคำที่ 473เยน
นอกจากโอเปร่าแล้ว มากาฮง (MACARON) หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า มาการง ขนมที่ทำจากไข่ขาว แป้งอัลมอนด์และน้ำตาล มีลักษณะเหมือนคุ๊กกี้ทรงครึ่งวงกลมประกบกัน มีใส้อยู่ตรงกลาง และมีสีสันละลานตา ตามแต่รสชาติ ก็เป็นดาวเด่นอีกดวงของร้านดาโลไวโยครับ เพราะตระกูลดาโลไวโยเป็นผู้ริเริ่มและเสิรฟขนมชนิดนี้ในราชสำนักแวร์ซายมาก่อนใคร จนในปัจจุบัน กลายเป็นหนึ่งในขนมยอดนิยมของชาวปารีเซี่ยนไปแล้ว
สำหรับขนมชนิดนี้ต้องยกความดีความชอบให้ลูกสาวของผมครับ เพราะยัยลูกสาวคนนี้ของผมเนี่ย เห็นเจ้าขนมมากาฮงไม่ได้ เป็นต้องร้องชิมแทบจะทุกครั้งโดยไม่ได้สนใจว่าเป็นร้านอะไร มีชื่อเสียงหรือไม่ ระยะหลังผมถึงมาสังเกตุเห็นว่าถ้าผ่านหรือเห็นร้านดาโลไวโยทีไร เป็นไม่พลาดที่จะต้องขอแวบไปซื้อเจ้าขนมมากาฮงมากินแทบทุกครั้งไป ถามไปก็ได้ความว่า อร่อยกว่าหลายๆร้านที่เคยชิมมาครับ เพราะรสชาติไม่หวานเลี่ยน แถมนุ่มกำลังดี เพราะบางร้านก็นุ่มเกินไปและบางเจ้าก็แข็งเกินพอดี ราคาความอร่อยระดับนี้ แค่ชิ้นละ158เยนเท่านั้น มีให้เลือก6รส ใครชอบรสไหนเลือกกันตามสบาย แต่สำหรับลูกสาวผม เหมาครบทุกรสครับ
อีกหนึ่งความอร่อยที่ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะคนชอบขนมสอดไส้ครีม (CHU-CREAM) ที่ดาโลไวโยนี้เขาได้คิดค้นขนมสอดไส้ครีมที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยม เรียกว่า CHU CUBIC ก็ชูครีมที่มีรูปทรงลูกบาศก์นั่นแหละ มองปราดแรกไม่สะดุดตาครับ เป็นขนมก้อนสี่เหลี่ยมเหมือนขนมปังชิ้นเล็กๆโรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซ์ซิ่งมีช็อกโกแลตแท่งจิ๋ววางขนานอยู่ที่ขอบด้านล่าง แต่เพราะมันดูธรรมดาเกินไป ก็เลยลองสั่งมาชิมดู บอกได้เลยครับว่าไม่ผิดหวัง เนื้อแป้งที่ห่อใส้ครีมไว้นั้นแตกต่างจากเนื้อแป้งของชูครีมที่เราคุ้นเคย เพราะเค้าดัดแปลงเนื้อแป้งให้แน่นขึ้นไม่เปราะบาง เวลาทานจะได้ไม่มีเศษแป้งร่วงหล่นให้รำคาญใจ ส่วนใส้ครีมคัสตาดด้านใน ก็เข้มข้นแต่ไม่หวานจัดจ้าน ถ้าอยากลิ้มลองความอร่อยระดับนี้ ก็ต้องจ่ายในราคาก้อนละ630เยน
ส่วนผมเอง ชอบที่จะขึ้นไปนั่งบนชั้นสอง แล้วสั่งโอเปร่ากับCHU CUBICมานั่งทาน พร้อมทั้งละเลียดลาเต้ ชมบรรยากาศในร้าน ที่อุดมไปด้วยสาวน้อยและสาวใหญ่ เพลินตาและเพลินใจดีครับ เพราะบรรดาร้านขนมในญี่ปุ่นทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแล้วแต่มีคุณลูกค้าขาประจำเป็นคุณสุภาพสตรีมากกว่าคุณสุภาพบุรุษแทบทั้งสิ้น ก็สังคมญี่ปุ่นนั้นคุญสุภาพบุรุษมีหน้าที่เป็นผู้หารายได้หลัก ส่วนคุณภรรยาก็มีหน้าที่จัดสรรรายได้นั้นให้เหมาะสมกับครอบครัว และแน่นอนว่า ค่าขนมและค่าชากาแฟยามบ่าย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับการจัดสรรเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
จากคอลัมน์ มองญี่ปุ่น ในหนังสือพิมพ์ Post Today ฉบับวันอาทิตย์
จากคอลัมน์ มองญี่ปุ่น ในหนังสือพิมพ์ Post Today ฉบับวันอาทิตย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น