โตเกียว เทรนด์ดี 6
ความนิยมชมชอบในการทานขนมเค็กของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ในญี่ปุ่นนั้น ค่อนข้างจะเป็นกันเอามากครับ บรรดาร้านดังๆ ต่างก็มีคุณแม่บ้านหรือคุณพนักงานสาวๆ มาอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่น ยิ่งถ้าเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะก็ รอคิวกันครึ่งชั่วโมงนี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาครับ บางคนไม่อยากนั่งทานที่ร้านก็จะซื้อกลับไปทานที่บ้านหรือซื้อไปเป็นของฝากก็สามารถครับ แถมยังมีการบรรจุอย่างดีเยี่ยมกันการกระแทกและยังมีเจลที่ช่วยควบคุมอุณหภูมิของเค็กให้คงความสดใหม่เหมือนทานอยู่ในร้าน ใส่มาให้อีก
มีแบรนด์นึงที่ได้รับความนิยมอย่างสูง แถมมีเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าอยู่มากมาย เฉพาะในโตเกียวก็8แห่ง โอซาก้า13 แห่ง รวมๆทั้งญี่ปุ่นแล้วก็ประมาณ40กว่าแห่งครับ เวลาเดินไปเดินมาในห้างสรรพสินค้าโดยเฉพาะแผนกขนมหวาน แล้วเห็นคนถือถุงที่มีตัวอักษร C โดดๆอยู่กลางถุงละก็ พอจะอนุมานได้ว่านั่นเป็นถุงของร้าน HENRI CHARPENTIER (คนญี่ปุ่นอ่านว่า อันรี-ชารุปันตีเย) ซึ่งเป็นสัญชาติฝรั่งเศสเช่นเดียวกันกับ DALLOYAU
HENRI CHARPENTIER เป็นร้านที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัตถุดิบที่เป็นพื้นฐานของการทำขนมอย่างเนยและครีม บนความเชื่อที่ว่า “รสชาติของขนมที่ดีที่สุดต้องริ่มต้นจากเนย” จึงทำให้เกิดกระบวนการผลิตเนยโดยใช้น้ำนมดิบจากแม่วัวพันธุ์ดีของเมืองNUITA เมืองเล็กๆทางฝั่งตะวันออกของเกาะฮอกไกโด ซึ่งมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงกันกับแคว้นนอร์มังดี อันเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นแหล่งผลิตน้ำนมดิบคุณภาพสูงของฝรั่งเศส แล้วเพิ่มกรดแล็คติคลงไปเพื่อกระตุ้นให้เกิดเนื้อครีมในปริมาณสูงตามสูตรดั้งเดิม ทำให้รสชาติของเนยที่ได้นั้น อุดมไปด้วยความหวานมันแต่อ่อนนุ่มและบางเบา ขนมที่ใช้เนยสูตรดั้งเดิมจึงให้รสสัมผัสที่แตกต่างจากการใช้เนยธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
เรื่องแบบนี้ต้องขอยกให้ญี่ปุ่นเค้าเลยนะครับ หลายท่านคงคุ้นเคยจากการชมรายการโทรทัศน์ที่แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังของคนญี่ปุ่นในอันที่จะกระทำการใดๆให้สำเร็จลุล่วงบนคุณภาพที่เทียบเท่าหรือเหนือกว่า ซึ่งบางครั้งแทบจะไม่น่าเชื่อว่า การเสาะหาภูมิประเทศและสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเลี้ยงวัวนมเพื่อให้ได้น้ำนมในคุณภาพสูง การเสาะหาแหล่งน้ำธรรมชาติบริสุทธิเพื่อปรุงกลั่นสุราเลิศรส หรือการคัดเลือกเมล็ดข้าวพันธุ์ดีเพื่อทำข้าวซูชิชั้นเยี่ยม จะยากลำบากเพียงนั้น แต่พวกเค้าก็พกพาจิตวิญญานของมืออาชีพ นำสิ่งดีเยี่ยมเหล่านั้นกลับมาปรุงแต่งให้ลูกค้าของเค้าได้ชิมกันอย่างไม่รู้จบ
HENRI CHARPENTIER ได้เปิดร้านหลัก เชิดหน้าชูแบรนด์ขึ้นที่กินซ่าบล็อค2 (2-8-20 GINZA) อยู่เลยร้านเครื่องเขียน ITO-YAไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยไปหน่อยนึง ก็จะเจออาคารโมเดิร์นคลาสสิคสีเทาอยู่ตรงหัวมุม ดูยังไงก็ไม่ใช่ร้านเค็กแน่ๆ แต่ป้ายชื่อร้านมันฟ้องว่าใช่ เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ก็ให้ความรู้สึกที่เรียบหรู ขนมเค็กต่างๆเรียงรายอยู่ในตู้กระจกด้านซ้ายมือดูละลานตา รอให้ท่านเลือกซื้อกลับไปอิ่มเอมที่บ้านกับครอบครัว
แต่หากท่านต้องการจะนั่งทานในร้าน ก็แค่เดินลงบันไดด้านขวามือไปยังชั้นใต้ดิน ผ่านโถงจำลองที่ตกแต่งให้เหมือนกับห้องสมุดที่ดูเคร่งขรึมแต่จัดจ้านด้วยสีสันของบรรดาหนังสือสันหนาสีชมพูสดเรียงรายสลับกับคู่มือทำขนมและอาหาร ผ่านไปยังส่วนรับรองลูกค้าที่ยังคงความเรียบด้วยผนังสีครีมและโต๊ะขนาดเล็กสีน้ำตาลไหม้ สลับกับชุดโซฟาสีชมพูสดที่ช่วยเพิ่มสีสันให้กับห้อง
เครป SHUZETTO 1ในเมนูขึ้นชื่อที่สุดของ HENRI CHARPENTIER ที่คุณสามารถสั่งทานได้เฉพาะที่ร้านเท่านั้น เจ้าหน้าที่จะเข็นรถทำครัวเล็กๆมาปรุงให้ท่านได้ทานกันถึงข้างโต๊ะเลย แป้งเครปหวานนุ่มถูกราดด้วยซอสส้มที่อุ่นจนร้อน ออกรสหวานปนฝาดนิดๆ เพิ่มความกลมกล่อมให้กับเครปจานนี้ ไม่เสียดายกับราคา 1,575เยนเลย อีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด LEMON TARTE รสหวานอมเปรี้ยวชิ้นขนาดพอคำกับราคา 473เยน ทานกับน้ำชายามบ่าย ให้ความรู้สึกที่สดชื่น มีเรี่ยวแรงช้อปต่อได้อีกหลายชั่วโมง
นอกจากนี้ยังมีร้านดังอีกมากมายในย่านกินซ่า ให้คุณได้ชิมกันอย่างจุใจ เช่น SHISEIDO PARLOURที่กินซ่าบล็อค8 (8-8-5 GINZA) WAKO GOURMET& CAKE SHOPที่กินซ่าบล็อค4 (4-5-11 GINZA) GINZA SEMBIKIYAที่กินซ่าบล็อค5 (5-5-1 GINZA) ถ้าไม่กลัวอ้วน ก็ลุยกันต่อเลยครับ
จากคอลัมน์ มองญี่ปุ่น ในหนังสือพิมพ์ Post Today ฉบับวันอาทิตย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น