วันอังคารที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Tokyo Trendy 7

โตเกียว เทรนด์ดี 7
                ไปเที่ยวกินซ่ากันมาหลายอาทิตย์ หลายคนอาจคิดว่ากินซ่าเป็นย่านที่อินเทรนด์ที่สุดเพราะเขียนถึงเป็นย่านแรก ซึ่งก็ไม่ผิดครับเพราะถ้าจะพูดถึงสินค้าทันสมัยของแบรนด์ดังต่างๆ ไปที่กินซ่านี่เรียกได้ว่าหาได้ครบ แต่เฉพาะแบรนด์ดังและเป็นที่นิยมของผู้หลักผู้ใหญ่โดยทั่วไปนะครับ แต่หากจะพูดถึงย่านอินเทรนด์สำหรับวัยรุ่นโดยเฉพาะแล้วล่ะก็ ชิบุยะ(SHIBUYA) ต้องเป็นหนึ่งในลำดับต้นๆของพจนานุกรมแฟชั่นฉบับวัยรุ่นแดนอาทิตย์อุทัยอย่างเป็นเอกฉันท์ ผมเชื่อว่าวัยรุ่นทุกคน ขอย้ำว่า ทุกคนในโตเกียว รู้จักย่านชิบุยะ และวัยรุ่นทั่วญี่ปุ่นเกือบทุกคน รู้จักย่านชิบุยะ เพียงเท่านี้คุณผู้อ่านที่เป็นวัยรุ่นหรือยังมีหัวใจเป็นวัยรุ่น(แบบผม) คงจะสนใจขึ้นมาแล้ว
                ชิบุยะ หนึ่งใน 23เขตของมหานครโตเกียว เรียกว่า SHIBUYA-KU ซึ่งกินอาณาบริเวณเพียง 15 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น แต่กลับเป็นที่ตั้งของย่านวัยรุ่นที่สำคัญๆอย่าง ย่านฮาราจูกุ  ย่านโอโมเทะซันโด  ย่านไดคันยามะ และ ย่านชิบุยะ เป็นต้น  และเวลาวัยรุ่นญี่ปุ่นเค้าพูดถึง ชิบุยะ ก็หมายถึงเฉพาะย่านชิบุยะ  ที่มีศูนย์กลางของย่านอยู่ตรงสถานีรถไฟชิบุยะ ไม่ได้หมายถึงเขตชิบุยะทั้งหมดครับ
                สถานีชิบุยะเป็นหนึ่งในสถานีใหญ่ของกรุงโตเกียว และเป็นหนึ่งในสถานีที่มีความซับซ้อน มีรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินผ่านไปไขว้กันหลายสาย มีทั้งรถไฟฟ้าบนดินของ JR East  3สาย คือ Yamanote Line , Saikyo Line และShonan-Shinjuku Line  รถไฟฟ้าใต้ดินอีก3 สาย Ginza Line, Hansomon Line และ Fukutoshin Line และยังมีรถไฟฟ้าบนดินของเอกชนอีก3สายได้แก่ Tokyu Toyoko Line, Tokyu Den-en-toshi Line และ Keio Inokashira Line จึงทำให้สถานีชิบุยะมีผู้คนผ่านไปมาถึงวันละประมาณ2ล้านต้นๆ พอฟัดพอเหวี่ยงกับสถานีอุเมดะที่โอซาก้า จะเป็นรองก็แค่สถานีอิเคะบุคุโระ และสถานีชินจูกุเท่านั้นเอง  (ระหว่างที่ผมเขียนต้นฉบับอยู่นี้ ก็มีเหตุการณ์รถไฟหยุดเดิน2วัน อันมาเนื่องจากการนัดหยุดงานหมู่ของพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทยบางส่วน  เมื่อได้สดับฟังเหตุแห่งการนัดหยุดงานแล้ว ผมก็สิ้นสงสัยว่าทำไมหนอ รถไฟไทยถึงได้ใช้แค่คำว่าเดินรถ ในขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งเริ่ม เดินรถไฟ พร้อมๆกับประเทศไทย ปัจจุบันนี้รถไฟของเค้ าวิ่งไปไกลกว่าเราหลายช่วงตัวจนแทบจะบินได้อยู่แล้วครับพี่น้อง)
 ความซับซ้อนของสถานีชิบุยะนั้นเรียกได้ว่าถ้าไม่ชำนาญจริงๆ  ควรเผื่อเวลาไว้หาทางเข้าออกของชานชาลาด้วย เพราะมีชานชาลาที่ทั้งเชื่อมต่อกันและแยกออกจากกัน ทั้งบนอาคารและใต้ดิน ถ้าเอาง่ายเข้าว่าก็ไปมาโดยสาย JR Yamanote นี่แหละครับปลอดภัยสุด อาจจะอ้อมไปหน่อยวนไปบ้าง แต่เวลามาถึงที่สถานีชิบุยะแล้วออกง่ายครับ เวลาจะออกก็ให้เดินตามป้ายทางออกที่เขียนว่า Hachiko Exit เป็นทางออกที่มีผู้คนออกกันมากที่สุดเลยก็ว่าได้ พอออกมาปุ๊บก็จะเจอกับห้าแยกชิบุยะอันลือลั่น และจุดนัดพบที่โด่งดังที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโตเกียวเลยนั่นก็คือ อนุสรณ์รูปปั้นของสุนัขชื่อฮาจิโกะ (HACHIKO)
          ฮาจิโกะ (HACHIKO) เป็นชื่อของสุนัขพันธุ์พื้นเมืองจากจังหวัดอาคิตะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น ที่ถูกนำมาเลี้ยงในโตเกียวในปีคศ.1924 โดยคุณอุเอโนะ ฮิเดะซาบุโร่ (HIDESABURO UENO) อาจารย์ในคณะเกษตรศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยโตเกียว ทุกวันอาจารย์อุเอโนะจะออกไปขึ้นรถไฟที่สถานีชิบุยะ โดยมีเจ้าตูบน้อยฮาจิโกะ เดินไปส่ง และทุกเย็นเจ้าฮาจิโกะก็จะไปดักคอยเจ้านายของมันเป็นกิจวัตร จนวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคมของปีคศ.1925 อาจารย์อุเอโนะได้เกิดอาการเส้นโลหิตในสมองแตกในขณะที่ยังสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยและเสียชีวิตลงในที่สุด และจากเย็นวันนั้นเป็นต้นมา เจ้าฮาจิโกะก็ไม่ได้พบกับอาจารย์อุเอโนะอีกเลย มันได้เพียรกลับไปดูที่บ้านอยู่หลายครั้ง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้านาย และด้วยความเคยชินมันก็มาป้วนเปี้ยนและเฝ้าคอยอาจารย์อุเอะโนะอยู่ที่สถานีชิบุยะ ให้เห็นเป็นที่แปลกใจของบรรดาผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้น จนมีคนติดตามและสืบเสาะจนพบกับเรื่องราวอันน่าประทับใจของเจ้าฮาจิโกะ และเป็นที่เลื่องลือถึงความซื่อสัตย์ของมัน  เจ้าฮาจิโกะได้เฝ้ารอการกลับมาของอาจารย์อุเอโนะอยู่ถึง10ปี จนกระทั่งมันได้ตายจากโลกนี้ไปในปีคศ.1935 คงเหลือไว้แต่ร่างที่ถูกสต๊าฟและเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และธรรมชาติวิทยา ที่ย่านอุเอโนะ
                ส่วนที่หน้าสถานีชิบุยะ ก็มีการนำรูปหล่อสำริดของเจ้าฮาจิโกะมาตั้งไว้ ผ่านร้อนหนาว ผ่านสงครามและช่วงตกต่ำของญี่ปุ่นมาถึง 70กว่าปี และกลายมาเป็นจุดนัดพบของผู้คนที่มีกิจธุระในย่านชิบุยะ และเป็นที่รู้จักของทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างประเทศที่มาเที่ยวในโตเกียว หากต้องมาที่ย่านชิบุยะ ก็ต้องแวะเวียนมาชมและถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันแทบทั้งนั้น หลังจากถ่ายรูปเสร็จหันขวามา คุณก็จะพบกับห้าแยกมหัศจรรย์ของชิบุยะ จะมหัศจรรย์แค่ไหนและอย่างไร สัปดาห์หน้าอย่าลืมติดตามตอนต่อไป
               

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น