โตเกียว
เทรนด์ดี 23
ในความเข้าใจของคนทั่วไปนั้น ฮาราจูกุ
เป็นย่านช้อปปิ้งและศูนย์รวมของวัยรุ่นหลายระดับ
แต่ในความสนุกสนานและมีสีสันกลับแฝงไว้ด้วยความสงบของศาลเจ้าเมจิ ที่อยู่ห่างกันไปแค่ไม่กี่ก้าว
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องราวสองเรื่องที่แตกต่ากัน จะสามารถดำรงอยู่เคียงข้างกันได้โดยไม่ขัดแย้ง
หากคุณเดินออกจากสถานีรถไฟJRฮาราจูกุทางด้านใต้ ก็จะมาโผล่ตรงทางแยกใกล้กับสะพาน Jingu Bashi ซึ่งเป็นสะพานสั้นๆข้ามทางรถไฟ
สุดสะพานอีกด้านก็เป็นทางเข้าศาลเจ้าเมจิ มีคนสัญจรไปมาเป็นปกติ
แต่ถ้าเป็นวันอาทิตย์ คุณจะเห็นถึงความต่างตรงมุมสะพานนั่นแหละครับ วัยรุ่นเค้าจะมาถึงแถวนี้กันตอนสายๆ
ตอนมาถึงก็ยังอยู่ในชุดปกติ แต่พอรวมตัวกันได้ ก็จะพากันไปแปลงกายเป็นโน่นนี่นั่น
ตามคอนเซ็ปของกลุ่ม สถานที่แปลงกายก็ไม่พ้นห้องน้ำสาธารณะของสถานีรถไฟนั่นแหละครับ
เมื่อแต่งตัวเต็มที่กันแล้ว ก็ได้เวลาออกมาแสดงตัว ให้นักท่องเที่ยวได้ยืนชมกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง
บนสะพานที่เคยกว้างขวางกลับแคบลงไปจนแทบจะไม่มีที่ให้เดิน
ล้นหลามไปจนถึงลานด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้าเมจิ แต่จากทางเข้าศาลเจ้าลงไปกลับสงบเงียบเหมือนมีเส้นแบ่งไว้โดยไม่มีใครรุกล้ำ
เป็นเพื่อนบ้านที่มีมรรยาทต่อกัน ต่างมีสีสันของตนแต่ก็เคารพในกันและกัน
นี่แหละครับความมหัศจรรย์อีกอย่างของฮาราจูกุ
ศาลเจ้าเมจิ
เป็นศาลเจ้าหลวงในศาสนาชินโต ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศและเป็นที่สถิตย์วิญญานขององค์สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ
ซึ่งเป็นจักรพรรดิที่มีความสำคัญกับประเทศญี่ปุ่นยุคปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง
และได้รับความเคารพจากชาวญี่ปุ่นยุคปัจจุบันมากที่สุด สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงขึ้นครองราชเป็นจักรพรรดิองค์ที่122ของญี่ปุ่นในปีคศ.1867 ในขณะที่พระองค์มีพระชนม์มายุได้เพียง15พระชันษา หลังจากที่รัฐบาลทหารของโชกุนตระกูลโตกุกาวะอ่อนกำลังลง
และถูกพันธมิตรจากแคว้นสัทสึมะ (Satsuma หรือเกาะคิวชูในปัจจุบัน) และแคว้นโจชู
(Choshu หรือจังหวัดยามะกูจิในปัจจุบัน) ได้รวมกำลังกับซามูไรท้องถิ่นและสถาปนากองทัพหลวงของสมเด็จพระจักรพรรดิขึ้น
เพื่อต่อต้านการปกครองของระบอบโตกุกาวะ และนำพระราชอำนาจกลับคืนสู่องค์สมเด็จพระจักรพรรดิอีกครั้ง
หลังจากที่โดนริดรอนพระราชอำนาจลงโดยโชกุนคนแรกของญี่ปุ่น มินาโมโตะ โยริโตโมะ
ตั้งแต่ปีคศ.1192เป็นต้นมา ทำให้ประเทศญี่ปุ่นในยุครัฐบาลทหารที่เรียกว่า
บากูฟุ (Bakufu)ปกครองประเทศนั้น มีจักรพรรดิเพียงแค่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศและประกอบกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเท่านั้น
แต่ขาดซึ่งพระราชอำนาจในการปกครองที่แท้จริง
หลังจากที่ทรงขึ้นครองราชแล้ว
ก็ได้ทรงย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตมายังเมืองเอโดะและเปลี่ยนชื่อเป็นโตเกียว ทรงปรับปรุงประเทศญี่ปุ่นขนานใหญ่
ทรงให้ความสำคัญกับระบบการศึกษาแผนตะวันตก โดยได้ทรงส่งนักศึกษาหลายพันคนออกไปศึกษาหาความรู้ต่อยังต่างประเทศ
และทรงจ้างอาจารย์ชาวต่างชาติมาสอนสรรพความรู้ของโลกตะวันตกให้กับนักศึกษา
เป็นการเปิดโลกทัศน์ของญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากที่ถูกปิดประเทศตามนโยบายของรัฐบาลโตกุกาวะมานานกว่า200ปี ความเจริญและความก้าวหน้าจากซีกโลกตะวันตกได้ถาโถมเข้าสู่ญี่ปุ่นอย่างไม่หยุดหย่อน
ทำให้ญี่ปุ่นพัฒนาตนเองทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ การปกครอง วิทยาศาสตร์
การศึกษาและอุตสาหกรรม จนสามารถเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจและสังคมจากประเทศที่ล้าหลัง
ก้าวสู่ความเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่อย่างรวดเร็วด้วยนโยบาย “ประเทศเข้มข้น กองทัพเข้มแข็ง”
และภายในระยะเวลาเพียงแค่ 30ปี
ญี่ปุ่นก็สามารถเข้าสู่ความเป็นมหาอำนาจแห่งเอเชียอย่างเบ็ดเสร็จ
จนทำให้บรรดาชาติตะวันตกที่เคยมาเอารัดเอาเปรียบ ต้องพิจารณาและปรับปรุงความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นกันใหม่ จึงทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นรำลึกถึงพระปรีชาของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ
มาจนทุกวันนี้
สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิทรงสวรรคตเมื่อปี
1912
หลังจากนั้นด้วยความสมัครใจของประชาชนกว่า100,000คน ศาลเจ้าเมจิก็ถูกสร้างสำเร็จในปี1921 แต่ก็ถูกทำลายลงด้วยภัยจากสงครามโลกครั้งที่2 จากนั้นไม่นานก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาอีกครั้งในปี1958 และได้รับความสำคัญ
ถูกจัดให้เป็นศาลเจ้าชินโตระดับสูงจากรัฐบาล มีประชาชนเข้ามาสักการะกันเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะในวันที่ 1มกราคมของทุกปี จะมีประชาชนมาขอพรรับปีใหม่มากถึง3,000,000คน แต่จำนวนไม่ใช่อุปสรรคของความเคารพและศรัทธา ทุกคนต่างทยอยเดินฝ่าความหนาวกันมาตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่31ธันวาคม ล้นหลามออกไปจนถึงด้านนอก ทำให้บริเวณที่เคยกว้างขวาง
แคบลงถนัดใจแต่ไม่มีใครใจแคบเลยซักคน ทุกคนพากันขว้างเหรียญเข้าไปยังกล่องรับบริจาคเวอร์ชั่นพิเศษที่เพิ่มความกว้างของปากกล่อง
แต่ก็ยังมีเหรียญอีกเป็นจำนวนมากที่หลุดออกไปโดนเสาบ้างคานบ้าง
เห็นเป็นริ้วรอยแห่งศรัทธาอยู่ทั่วไป
ลองหาโอกาสไปศาลเจ้าเมจิดูนะครับ แล้วคุณจะมีความสุขที่ได้จากความสงบ
ปล่อยใจให้อ้อยอิ่งไปกับทางเดินโรยกรวดที่กว้างยาวสุดตา เสาโทริอิทำด้วยไม้ขนาดใหญ่และความอุดมสมบูรณ์ของพรรณไม้ตลอดสองข้างทาง
จะทำให้คุณเหมือนได้กลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
และเมื่อคุณได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าศาลเจ้า คุณจะได้รับรู้ถึงความสุขสงบที่ได้เป็นส่วนหนี่งของธรรมชาติ
ที่คุณทำหล่นหายไปในความวุ่นวายของสิ่งรอบตัว ให้เวลากับศาลเจ้าเมจิซักชั่วโมง
แล้วคุณจะได้สติกลับมามากเหลือเกิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น